ระเบียบปฏิบัติในการบันทึกเวชระเบียน( ปรับปรุง
07/02/54)
เวชระเบียนเป็นเอกสารที่มีความสำคัญในการบริการทางการแพทย์ ประโยชน์ของเวชระเบียน มีดังนี้
1. เป็นหลักฐานทางกฎหมาย
2. เป็นเครื่องมือในการดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
3. เป็นแหล่งข้อมูลในการศึกษาและวิจัย
4. วิธีในการประเมินคุณภาพของการรักษา
5. เป็นเครื่องมือสื่อสารระหว่างบุคลากรทางสาธารณสุข
6. เป็นหลักฐานในการเบิกเงินจากกองทุนต่าง
ๆ
แนวทางปฏิบัติในการบันทึกเวชระเบียนผู้ป่วย
มีดังนี้
1. ผู้ป่วยนอก ข้อมูลพึงปรากฏในเวชระเบียน
ได้แก่
1.1
อาการสำคัญและประวัติการเจ็บป่วยที่สำคัญ
1.2
ประวัติการแพ้ยา
สารเคมี หรือสารอื่น ๆ
1.3
บันทึกสัญญาณชีพ (Vital signs)
1.4
ผลการตรวจร่างกายในระบบที่เกี่ยวข้องกับอาการ
สิ่งที่ผิดปกติหรือที่มีความสำคัญต่อการวินิจฉัย หรือการให้การรักษาแก่ผู้ป่วย
ควรระบุทั้ง positive และ negative
finding ถ้าไม่ได้ตรวจจริงอย่าลงเครื่องหมายว่าตรวจ
(เพราะถ้ามาพบ sign ทีหลังจะไม่รู้ว่าเป็นตั้งแต่เมิ่อไหร่)
1.5
ปัญหาของผู้ป่วย
หรือการวินิจฉัยโรค หรือการแยกโรค ถ้าไม่แน่ใจรหัสโรคควรดูในคู่มือรหัสโรคที่ใช้บ่อยสอบถามผู้เชี่ยวชาญหรือเจ้าหน้าที่เวชสถิติ
1.6
การสั่งการรักษาพยาบาล
-
การสั่งยาให้ปฏิบัติตามคู่มือการสั่งใช้ยาอย่างเคร่งครัด และให้บันทึกในHosxpทุกครั้ง
-
การสั่งตรวจทางห้องปฏิบัติการให้ใช้ตัวย่อที่เป็นสากล
-
การนัดหมาย
ให้ระบุวัน เดือนปี ที่ต้องการ หรือ
ระบุจำนวนสัปดาห์ ( ถ้าระบุเดือน จะหมายถึงวันตรงกันแต่จำนวนสัปดาห์
จะไม่แน่นอนเช่น 1เดือนอาจเป็น 28 หรือ 35 วัน)
การนัดโรคเรื้อรังที่มีคลินิกพิเศษอยู่แล้วต้องตรวจสอบให้ถูกต้องด้วย
1.7
ในกรณีมีการทำหัตถการ
ควรมี
- บันทึกเหตุผล ความจำเป็นของการทำหัตถการ
- การลงนามยินยอมของผู้ป่วยหรือผู้แทนภายหลังที่ได้รับทราบและเข้าใจถึงผลดีและอันตรายที่อาจเกิดจากการทำหัตถการที่สำคัญได้แก่
paracenthesis LP Excision หัตถการทางสูตินรีเวช
การผ่าตัดใหญ่ทุกชนิด โดยใบยินยอมต้องมีการอธิบายขั้นตอนและผลลัพธ์ของการทำหัตถการนั้น ๆ
1.8 คำแนะนำอื่น ๆ ที่ให้แก่ผู้ป่วย ควรระบุหัวข้อและอาจมีเนื้อหาโดยย่อ
2. ผู้ป่วยแรกรับไว้รักษาในสถานพยาบาล
ให้บันทึกใน F – MED -003 ควรมี
2.1 อาการสำคัญและประวัติการเจ็บป่วยที่สำคัญ
what when how
where
2.2
ประวัติการแพ้ยา
สารเคมี หรือสารอื่น ๆ
2.3
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีตที่สำคัญ
ซึ่งอาจสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับการเจ็บป่วยครั้งนี้
2.4
บันทึกสัญญาณชีพ (Vital signs) BP PR RR ทุกรายที่อายุตั้งแต่
3 ปี ส่วนสูงของเด็ก
2.5
ผลการตรวจร่างกายทุกระบบที่สำคัญ
2.6
ปัญหาของผู้ป่วยหรือการวินิจฉัยโรค
หรือการแยกโรค
2.7
เหตุผลความจำเป็นในการ
Admit และแผนการดูแลรักษาผู้ป่วยต่อไป
2.8
ลงนามและวันที่กำกับ
3. ผู้ป่วยระหว่างนอนพักรักษาในสถานพยาบาล
3.1 บันทึกระบบ SOAP ทุกวันใน 3 วันแรก
ต่อไปบันทึกเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางคลินิกที่สำคัญเมื่อมีการสั่งการรักษาเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงการรักษา
3.2 การแปลผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจพิเศษต่าง ๆ(
เพื่อแสดงว่าการใช้ในการวางแผนการรักษาอย่างไร )
3.3
ในกรณีมีการทำหัตถการ
ควรทำเหมือนข้อ 1.7
3.4
การสั่งการรักษาให้ปฏิบัติตามข้อ
1.6 กรณีสั่งหลังเวลา 13.00 น.หรือสั่ง stat ให้ระบุวัน
เวลาที่สั่งทุกครั้ง
3.5
การสั่งจำหน่าย
ระบุวันเวลาที่นัดให้ชัดเจน สั่งยากลับบ้านให้เขียนครบทุกรายการ ห้ามเขียนว่า “ ยาเดิม “ เว้นแต่จะให้ผู้ป่วยใช้ยาเดิมที่ได้จาก OPD และผู้ป่วยมียาอยู่แล้ว
ก็ให้ระบุให้ชัดเจนว่า “ยาเดิมOPD วันที่...
“
4. เมื่อจำหน่ายผู้ป่วยจากโรงพยาบาล ให้สรุปใน OPD Card ดังนี้
4.1 การวินิจฉัยโรคขั้นสุดท้าย หรือการแยกโรค
4.2
สรุปผลการตรวจพบและเหตุการณ์สำคัญระหว่างการนอนพักรักษา
ตลอดจนการรักษาที่ผู้ป่วยได้รับ
4.3
สรุปการผ่าตัดและหัตถการที่สำคัญ
4.4
ผลลัพธ์จากการรักษา
ภาวะแทรกซ้อน
4.5
สถานภาพผู้ป่วยเมื่อจำหน่าย
4.6
คำแนะนำที่มีแก่ผู้ป่วยหรือญาติ
5. การสั่งการรักษาและการบันทึกอาการทางคลินิก
5.1
ควรบันทึกด้วยลายมือที่มีลักษณะชัดเจนพอที่ผู้อื่นจะอ่านเข้าใจได้หรือใช้การพิมพ์
5.2 บันทึกวันเวลาที่ดูผู้ป่วยทุกครั้ง รวมทั้งสิ่งที่ได้อธิบายกับผู้ป่วยและญาติ
5.3 แพทย์ต้องลงนามกำกับท้ายคำสั่งหรือบันทึกทุกครั้ง
ในกรณีที่ลายมือชื่ออ่านไม่ชัดเจน ควรมีสัญลักษณ์ซึ่งทีมผู้รักษาสามารถเข้าใจได้ง่าย
5.4
การแก้ไขข้อความในเวชระเบียน
ทำโดยการขีดฆ่าข้อความที่ผิด แล้วเขียนข้อความใหม่ที่ถูกต้องและลงนามผู้แก้ไข ตลอดจนวันเวลาที่แก้ไข
5.5
การบันทึกต้องเรียงลำดับเหตุการณ์ตามวันเวลา
อย่าบันทึกย้อนหลังเพื่ออธิบายหลังจากมีเหตุไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตามหากจำเป็น ขอให้บันทึกต่อจากข้อความที่บันทึกไว้หลังสุด อย่าไปแทรกระหว่างกลางให้สอดคล้องกับเวลาที่เกิดเหตุการณ์ ลงเวลาที่บันทึกจริงและระบุให้ชัดเจนว่าเป็นการบันทึกย้อนหลัง
6. การสั่งการรักษาพยาบาลด้วยคำพูด หรือทางโทรศัพท์
จะทำได้เฉพาะในกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วน เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย
หรือในกรณีการรักษาที่ไม่ก่อให้เกิดผลร้ายต่อผู้ป่วยทุกครั้งแพทย์ผู้สั่งการรักษาต้องลงนามกำกับท้ายคำสั่ง
โดยเร็วที่สุดเท่าที่จำสามารถดำเนินการได้ และอย่างช้าที่สุดไม่ควรเกิน 24 ชั่วโมง
7. แพทย์ผู้รักษาพึงทำการบันทึกข้อมูลทางคลินิกต่าง
ๆให้เสร็จสิ้นโดยรวดเร็วภายหลังเหตุการณ์นั้น
ๆ บันทึกเวชระเบียนควรมีความสมบูรณ์อย่างช้าภายใน 7 วัน หลังจากผู้ป่วยถูกจำหน่าย
8. หลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม หรืออาจเป็นการหมิ่นประมาทผู้ป่วยในบันทึกเวชระเบียน
9. กรณีเสียชีวิตให้บันทึกในทะเบียนการตาย และพิมพ์เก็บไว้ในเวชระเบียนด้วย